1. VARCHAR (ย่อมาจาก Variable Character Field อ่านว่า วาร์คาร์ หรือ วาร์ชาร์) หมายถึงกลุ่มข้อมูลตัวอักขระที่ไม่สามารถระบุความยาวได้ คำนี้มักใช้เป็นชนิดข้อมูลในระบบจัดการฐานข้อมูล ชนิดข้อมูลประเภท varchar สามารถเก็บข้อมูลตัวอักขระขนาดเท่าใดก็ได้ที่ไม่เกินความยาวที่จำกัดไว้ การจำกัดความยาวก็แตกต่างกันออกไปในแต่ละฐานข้อมูล
2. TINYINT : สำหรับเก็บข้อมูลชนิดตัวเลขที่มีขนาด 8 บิต ข้อมูลประเภทนี้เราสามารถกำหนดเพิ่มเติมในส่วนของ "แอตทริบิวต์"
3. TEXT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร เช่นเดียวกับ TINYTEXT แต่สามารถเก็บได้มากขึ้น โดยสูงสุดคือ 65,535 ตัวอักษร หรือ 64KB เหมาะสำหรับเก็บข้อมูลพวกเนื้อหาต่างๆ ที่ยาวๆ
4. DATE : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทวันที่ โดยเก็บได้จาก 1 มกราคม ค.ศ. 1000 ถึง 31 ธันวาคม ค.ศ. 9999 โดยจะแสดงผลในรูปแบบ YYYY-MM-DD
5. SMALLINT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 16 บิต จึงสามารถเก็บค่าได้ตั้งแต่ -32768 ถึง 32767 (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 65535 (ในกรณี UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) ซึ่งสามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
6. MEDIUMINT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 24 บิต นั่นก็หมายความว่าสามารถเก็บข้อมูลตัวเลขได้ตั้งแต่ -8388608 ไปจนถึง 8388607 (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 16777215 (ในกรณีที่เป็น UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) ซึ่งสามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
7. INT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 32 บิต หรือสามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ -2147483648 ไปจนถึง 2147483647 ครับ (ในกรณีแบบคิดเครื่องหมาย) หรือ 0 ถึง 4294967295 (ในกรณีที่เป็น UNSIGNED หรือไม่คิดเครื่องหมาย) ซึ่งสามารถเลือก Attribute เป็น UNSIGNED และ UNSIGNED ZEROFILL ได้เช่นเดียวกับ TINYINT
8. BIGINT : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขที่มีขนาด 64 บิต สามารถเก็บข้อมูลได้ตั้งแต่ -9223372036854775808 ไปจนถึง 9223372036854775807 เลยทีเดียว (แบบคิดเครื่องหมาย)
9. FLOAT[(M,D)] : ที่กล่าวถึงไปทั้งหมด ในตระกูล INT นั้นจะเป็นเลขจำนวนเต็ม หากเราบันทึกข้อมูลที่มีเศษทศนิยม มันจะถูกปัดทันที ดังนั้นหากต้องการจะเก็บค่าที่เป็นเลขทศนิยม ต้องเลือกชนิดขอฟิลด์เป็น FLOAT โดยจะเก็บข้อมูลแบบ 32 บิต
10. DOUBLE[(M,D)] : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขทศนิยม เช่นเดียวกับ FLOAT แต่มีขนาดเป็น 64 บิต สามารถเก็บได้ตั้งแต่ -1.7976931348623157E+308 ถึง -2.2250738585072014E-308, 0 และ 2.2250738585072014E-308 ถึง 1.7976931348623157E+308
11. DECIMAL[(M,D)] : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวเลขทศนิยม เช่นเดียวกับ FLOAT แต่ใช้กับข้อมูลที่ต้องการความละเอียดและถูกต้องของข้อมูลสูง
12. DATETIME : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทวันที่ และเวลา โดยจะเก็บได้ตั้งแต่ 1 มกราคม ค.ศ. 1000 เวลา 00:00:00 ไปจนถึง 31 ธันวาคม ค.ศ. 9999 เวลา 23:59:59 โดยรูปแบบการแสดงผล เวลาที่ทำการสืบค้น (query) ออกมา จะเป็น YYYY-MM-DD HH:MM:SS
13. TIMESTAMP[(M)] : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทวันที่ และเวลาเช่นกัน แต่จะเก็บในรูปแบบของ YYYYMMDDHHMMSS หรือ YYMMDDHHMMSS หรือ YYYYMMDD หรือ YYMMDD แล้วแต่ว่าจะระบุค่า M เป็น 14, 12, 8
14. TIME : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทเวลา มีค่าได้ตั้งแต่ -838:59:59 ไปจนถึง 838:59:59 โดยจะแสดงผลออกมาในรูปแบบ HH:MM:SS
15. YEAR[(2/4)] : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทปี ในรูปแบบ YYYY หรือ YY แล้วแต่ว่าจะเลือก 2 หรือ 4 (หากไม่ระบุ จะถือว่าเป็น 4 หลัก) โดยหากเลือกเป็น 4 หลัก จะเก็บค่าได้ตั้งแต่ ค.ศ. 1901 ถึง 2155 แต่หากเป็น 2 หลัก จะเก็บตั้งแต่ ค.ศ. 1970 ถึง 2069
16. CHAR : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร แบบที่ถูกจำกัดความกว้างเอาไว้คือ 255 ตัวอักษร ไม่สามารถปรับเปลี่ยนได้เหมือนกับ VARCHAR หากทำการสืบค้นโดยเรียงตามลำดับ
17. TINYBLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี ได้แก่ ไฟล์ข้อมูลต่างๆ, ไฟล์รูปภาพ, ไฟล์มัลติมีเดีย เป็นต้น คือไฟล์อะไรก็ตามที่อัพโหลดผ่านฟอร์มอัพโหลดไฟล์ในภาษา HTML โดย TINYBLOB นั้นจะมีเนื้อที่ให้เก็บข้อมูลได้ 256 ไบต์
18. TINYTEXT : ในกรณีที่ข้อความยาวๆ หรือต้องการที่จะค้นหาข้อความ โดยอาศัยฟีเจอร์ FULL TEXT SEARCH ของ MySQL เราอาจจะเลือกที่จะไม่เก็บข้อมูลลงในฟิลด์ประเภท VARCHAR ที่มีข้อจำกัดแค่ 256 ตัวอักษร แต่เราจะเก็บลงฟิลด์ประเภท TEXT แทน โดย TINYTEXT นี้ จะสามารถเก็บข้อมูลได้ 256 ตัวอักษร
19. BLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี เช่นเดียวกับ TINYBLOB แต่สามารถเก็บข้อมูลได้ 64
20. KBMEDIUMBLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี เช่นเดียวกับ TINYBLOB แต่เก็บข้อมูลได้ 16MB
21. MEDIUMTEXT : เก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร เช่นเดียวกับ TINYTEXT แต่เก็บข้อมูลได้ 16,777,215 ตัวอักษร
22. LONGBLOB : สำหรับเก็บข้อมูลประเภทไบนารี เช่นเดียวกับ TINYBLOB แต่เก็บข้อมูลได้ 4GB
23. LONGTEXT : เก็บข้อมูลประเภทตัวอักษร เช่นเดียวกับ TINYTEXT แต่เก็บข้อมูลได้ 4,294,967,295 ตัวอักษร
24. SET : สำหรับเก็บข้อมูลที่เป็นกลุ่มของข้อมูลที่ยอมให้เลือกได้ 1 ค่าหรือหลายๆ ค่า ซึ่งสามารถกำหนดได้ถึง 64 ค่า
25. ENUM(Enumeration) : หมายถึงเซตของข้อมูลชุดหนึ่งที่มีจำนวนสมาชิกที่กำหนดไว้แน่นอนและทราบค่าทุกตัว ซึ่งมักจะเป็นข้อมูลที่มีลักษณะคงที่
26. BINARYระบบเลขที่มีสัญลักษณ์เพียงสองตัวคือ 0 (ศูนย์) กับ 1 (หนึ่ง) บางครั้งอาจหมายถึงการที่มีโอกาสเลือกได้เพียง 2 ทาง เช่น ปิดกับเปิด, ไม่ใช่กับใช่, เท็จกับจริง, ซ้ายกับขวา เป็นต้น
27. BOOL คือข้อมูลที่มีค่าเป็นจริง (True) หรือเท็จ (False)
28. VARBINARY คือ มีลักษณะการเก็บคล้าย Varcha คือการเก็บข้อมูลตามที่รับมาจริงเท่านั้น มีขนาดสูงสุดมากถึง 8000 ไบต์
วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ขั้นตอนในการติดตั้ง Appserv-win 32.2.5.9
Downloadโปรแกรมแล้วก็เลือก Appserv-win 32.2.5.9 แล้ว Run ก็จะได้หน้า License Ageement แล้วก็ I Agee เข้าในหน้า Choose Install Location แล้วเลือกไดร์ C:\ Appserv แล้วก็ Next เข้ามาในหน้า Select Components แล้วจะมีข้อย่อยให้เลือกเลือกทั้ง 4 หัวข้อที่มีอยู่แล้วก็ Next เข้ามาในหน้า Apache HTTP Information สำหรับ Server Name ใส่ localhost และ Administrator's Email Address ใส่เมล์อะไรก็ได้แล้วก็ Next เข้ามาในหน้า Enter root password ใส่รหัสที่เราต้องการและตัวเองจำได้แล้ว Re-enter root password ใส่รหัสเดียวกันและ Character sets and collations เป็น UTF-8 unicode แล้ว Install รอโหลดเข้ามาในหน้า Completing the Appserv 2.5.9 Setup Wizard แล้วก็ Finish แล้วก็เสร็จการติดตั้งโปรแกรมคะ
วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2552
ส่งคำศัพท์
1.Database ชุดของข้อมูลที่รวมเอาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกันเป็นเรื่องราวเดียวกันรวมกันเป็นกลุ่มหรือเป็นชุดข้อมูล
2.DBMS (data base management system) ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการฐานข้อมูล ช่วยในการสร้างข้อมูล เพิ่มข้อมูล ลบข้อมูล เรียกใช้ข้อมูล
3.Database Administrators : DBAs บุคลากรที่ทำหน้าที่บริการและควบคุมการบริหารงานของระบบฐานข้อมูล ทั้งหมดเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรวบรวมข้อมูลอะไรเข้าในระบบ จัดเก็บโดยวิธีใด เทคนิคการเรียกใช้ข้อมูล
4.Database Developmentโปรแกรมสำเร็จรูปจัดการฐานข้อมูล เช่น Microsoft Access หรือ Lotus Approach อนุญาตให้ผู้ใช้พัฒนาฐานข้อมูลตามที่ต้องการได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามระบบผู้รับบริการและผู้ให้บริการ
5.Data Definition Language : DDL เป็นภาษาที่ใช้กำหนดโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลของฐานข้อมูล (Database Schema) ซึ่งโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า สกีมา (Schema)
6.Data Interrogationความสามารถในการสืบค้นฐานข้อมูลเป็นผลประโยชน์หลักของระบบจัดการฐานข้อมูล ผู้ใช้สามารถใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลสำหรับการขอสารสนเทศจากฐานข้อมูล โดยการใช้ภาษาสอบถาม
7.Graphical and Natural Queriesผู้ใช้ ( และผู้เชี่ยวชาญสารสนเทศ) หลายรายลำบากที่จะแก้ไขวลีของ SQL และคำถามภาษาฐานข้อมูลอื่นๆ ดังนั้นโปรแกรมสำเร็จรูปฐานข้อมูลส่วนใหญ่จึงเสนอวิธีการชี้และคลิกส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (Graphical User Interface : GUI) ซึ่งง่ายต่อการใช้และใช้ซอฟต์แวร์8.Application Developmentโปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูลมีบทบาทหลักในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สามารถใช้ภาษาโปรแกรมยุคที่สี่ (4GL Programming Language) และสร้างเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์จากโปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูล
9.Data Manipulation Language : DML เป็นภาษาที่ใช้กำหนดโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลของฐานข้อมูล (Database Schema) ซึ่งโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า สกีมา10.Subject Area Database : SADB ฐานข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลง
11.Analytical Databaseเก็บข้อมูลและสารสนเทศที่ดึงมาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการและฐานข้อมูลภายนอก ประกอบด้วยข้อมูลสรุปและสารสนเทศที่จำเป็นต่อผู้จัดการองค์กรและผู้ใช้
12.Multidimensional Database ให้การสนับสนุนสำหรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาก
13.Data Warehouses เก็บข้อมูลปัจจุบันและปีก่อนๆ โดยดึงจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการต่างๆ ขององค์กร เป็นแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่ได้ถูกคัดเลือก แก้ไข จัดมาตรฐาน และรวบรวมเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิจัยตลาด และสนับสนุนการตัดสินใจ คลังข้อมูลอาจแบ่งออกเป็นตลาดข้อมูล
14.Distributed Databasesการกระจายสำเนา (Copies) หรือบางส่วนของฐานข้อมูลไปยังแม่ข่ายเครือข่ายหลายๆ สถานที่ ฐานข้อมูลแบบกระจายนี้สามารถติดตั้งอยู่บนเครื่องแม่ข่ายเครือข่าย World Wide Web บนอินทราเน็ตขององค์กร หรือเอ็กซ์ทราเน็ต ฐานข้อมูลแบบกระจายอาจจะสำเนาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการหรือฐานข้อมูลเชิงวิเคราะห์
15.End User Databasesประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลต่างๆ ที่พัฒนาโดยผู้ใช้ที่สถานีปลายทาง เช่น ผู้ใช้อาจจะมีเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หลายๆ สำเนาที่ได้ดาวน์โหลดจาก World Wide Web จากโปรแกรมสำเร็จรูปประมวลผลคำ หรือรับจากไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
16.Field) เป็นหน่วยข้อมูลที่ประกอบมาจากอักขระต่าง ๆ หลายอักขฟระ เช่น ชื่อ ที่อยู่ ที่ประกอบด้วยอักขระหลาย ๆ ตัว เป็นต้น
17.Record) จะเป็นการนำฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์มาร่วมกัน เช่น เรคอร์ดลฟูกค้า ก็จะเก็บฟิลด์ข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดที่ประกอบด้วยชื่อ ที่อยู่ หรือ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
18.Table) จะเป็นการนำเรคอร์ดหลาย ๆ เรคอร์ดมารวมกัน เช่น ตารางลูกค้า จะประกอบด้วยเรอร์ดของลูกค้าที่เป็นลูกค้าแต่ละราย
19.Entity) เป็นคำที่อ้างอิงถึง บุคคล สถานที่ และสิ่งของต่าง ๆ เช่น สินค้า ใบสั่งซื้อ และลูกค้า เป็นต้น ถ้าเราสนใจในการสร้างระบบฐานข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า เอนทิตี้ของระบบ นี้จะประกอบด้วย เอนทิตี้ลูกค้า ใบสั่งซื้อสินค้า และสินค้า
20.InfraStucture Management คือการจัดทำระบบการบริหารงานคุณภาพ โครงสร้างพื้นฐาน การควบคุมคุณภาพ
2.DBMS (data base management system) ซอฟต์แวร์ที่ใช้จัดการฐานข้อมูล ช่วยในการสร้างข้อมูล เพิ่มข้อมูล ลบข้อมูล เรียกใช้ข้อมูล
3.Database Administrators : DBAs บุคลากรที่ทำหน้าที่บริการและควบคุมการบริหารงานของระบบฐานข้อมูล ทั้งหมดเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรวบรวมข้อมูลอะไรเข้าในระบบ จัดเก็บโดยวิธีใด เทคนิคการเรียกใช้ข้อมูล
4.Database Developmentโปรแกรมสำเร็จรูปจัดการฐานข้อมูล เช่น Microsoft Access หรือ Lotus Approach อนุญาตให้ผู้ใช้พัฒนาฐานข้อมูลตามที่ต้องการได้โดยง่าย อย่างไรก็ตามระบบผู้รับบริการและผู้ให้บริการ
5.Data Definition Language : DDL เป็นภาษาที่ใช้กำหนดโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลของฐานข้อมูล (Database Schema) ซึ่งโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า สกีมา (Schema)
6.Data Interrogationความสามารถในการสืบค้นฐานข้อมูลเป็นผลประโยชน์หลักของระบบจัดการฐานข้อมูล ผู้ใช้สามารถใช้ระบบจัดการฐานข้อมูลสำหรับการขอสารสนเทศจากฐานข้อมูล โดยการใช้ภาษาสอบถาม
7.Graphical and Natural Queriesผู้ใช้ ( และผู้เชี่ยวชาญสารสนเทศ) หลายรายลำบากที่จะแก้ไขวลีของ SQL และคำถามภาษาฐานข้อมูลอื่นๆ ดังนั้นโปรแกรมสำเร็จรูปฐานข้อมูลส่วนใหญ่จึงเสนอวิธีการชี้และคลิกส่วนต่อประสานกราฟิกกับผู้ใช้ (Graphical User Interface : GUI) ซึ่งง่ายต่อการใช้และใช้ซอฟต์แวร์8.Application Developmentโปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูลมีบทบาทหลักในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์สามารถใช้ภาษาโปรแกรมยุคที่สี่ (4GL Programming Language) และสร้างเครื่องมือพัฒนาซอฟต์แวร์จากโปรแกรมสำเร็จรูประบบจัดการฐานข้อมูล
9.Data Manipulation Language : DML เป็นภาษาที่ใช้กำหนดโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลของฐานข้อมูล (Database Schema) ซึ่งโครงสร้างข้อมูลหรือนิยามข้อมูลสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า สกีมา10.Subject Area Database : SADB ฐานข้อมูลรายการเปลี่ยนแปลง
11.Analytical Databaseเก็บข้อมูลและสารสนเทศที่ดึงมาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการและฐานข้อมูลภายนอก ประกอบด้วยข้อมูลสรุปและสารสนเทศที่จำเป็นต่อผู้จัดการองค์กรและผู้ใช้
12.Multidimensional Database ให้การสนับสนุนสำหรับฐานข้อมูลขนาดใหญ่มาก
13.Data Warehouses เก็บข้อมูลปัจจุบันและปีก่อนๆ โดยดึงจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการต่างๆ ขององค์กร เป็นแหล่งข้อมูลส่วนกลางที่ได้ถูกคัดเลือก แก้ไข จัดมาตรฐาน และรวบรวมเพื่อใช้สำหรับการวิเคราะห์ธุรกิจ การวิจัยตลาด และสนับสนุนการตัดสินใจ คลังข้อมูลอาจแบ่งออกเป็นตลาดข้อมูล
14.Distributed Databasesการกระจายสำเนา (Copies) หรือบางส่วนของฐานข้อมูลไปยังแม่ข่ายเครือข่ายหลายๆ สถานที่ ฐานข้อมูลแบบกระจายนี้สามารถติดตั้งอยู่บนเครื่องแม่ข่ายเครือข่าย World Wide Web บนอินทราเน็ตขององค์กร หรือเอ็กซ์ทราเน็ต ฐานข้อมูลแบบกระจายอาจจะสำเนาจากฐานข้อมูลเชิงปฏิบัติการหรือฐานข้อมูลเชิงวิเคราะห์
15.End User Databasesประกอบด้วยแฟ้มข้อมูลต่างๆ ที่พัฒนาโดยผู้ใช้ที่สถานีปลายทาง เช่น ผู้ใช้อาจจะมีเอกสารอิเล็กทรอนิกส์หลายๆ สำเนาที่ได้ดาวน์โหลดจาก World Wide Web จากโปรแกรมสำเร็จรูปประมวลผลคำ หรือรับจากไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์
16.Field) เป็นหน่วยข้อมูลที่ประกอบมาจากอักขระต่าง ๆ หลายอักขฟระ เช่น ชื่อ ที่อยู่ ที่ประกอบด้วยอักขระหลาย ๆ ตัว เป็นต้น
17.Record) จะเป็นการนำฟิลด์หลาย ๆ ฟิลด์มาร่วมกัน เช่น เรคอร์ดลฟูกค้า ก็จะเก็บฟิลด์ข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดที่ประกอบด้วยชื่อ ที่อยู่ หรือ หมายเลขโทรศัพท์ เป็นต้น
18.Table) จะเป็นการนำเรคอร์ดหลาย ๆ เรคอร์ดมารวมกัน เช่น ตารางลูกค้า จะประกอบด้วยเรอร์ดของลูกค้าที่เป็นลูกค้าแต่ละราย
19.Entity) เป็นคำที่อ้างอิงถึง บุคคล สถานที่ และสิ่งของต่าง ๆ เช่น สินค้า ใบสั่งซื้อ และลูกค้า เป็นต้น ถ้าเราสนใจในการสร้างระบบฐานข้อมูลการสั่งซื้อสินค้า เอนทิตี้ของระบบ นี้จะประกอบด้วย เอนทิตี้ลูกค้า ใบสั่งซื้อสินค้า และสินค้า
20.InfraStucture Management คือการจัดทำระบบการบริหารงานคุณภาพ โครงสร้างพื้นฐาน การควบคุมคุณภาพ
วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552
คำศัพท์
Computer คอมพิวเตอร์ คอมพิวเตอร์
Number นัมเบอ หมายเลข
Looking ลุคคิ้ง มองดู
Paper เปเปอร์ กระดาษ
Sigle ซิงเกิล โสด
Human ฮูแมน มนุษย์
Learning เลอนนิ่ง การเรียนรู้
Hardware ฮาร์ดแวร์ ฮาร์ตแวร์
Production โปรดักชั่น การผลิต
Model โมเดล รุ่นที่
page เพจ หน้า
Memory แมมอริ หน่วยความจำ
Sometime ซัมทัม เวลาใดเวลาหนึ่ง
Maket มาเก็ท ตลาด
Before บีฟอร ก่อน
Been บีน เป็น
Parts พราทส ชิ้นส่วน
Become บีคัม กลายเป็น
Wafer เวเฟอ ขนมปังเวเฟอร์
Simple ซิมเปิ้ล เรียบง่าย
Other เอ้าเทอร อื่นๆ
Creating โคสธิง การสร้าง
Best เบสท ดีที่สุด
Change เช้ง เปลี่ยน
Works เวอค งาน
Year เยีย ปี
Smaller สมอลเลอ เล็กกว่า
Today ทูเดย์ วันนี้
Thing ธิง สิ่ง
Idea ไอเดีย ความคิด
Both โบธ ทั้งคู่
Flow โฟล ไหล
Basic เบซิค แห่งฐาน
First เฟอสท แรก
Build เบิลด สร้าง
Better เบ็ทเทอ ดีขึ้น
Only โอนลิ เท่านั้น
Design ดีไซน ออกแบบ
World เวอลด โลก
Would วูด จะ
Called คอลเลอ ผู้ขานชื่อ
Them แธ็ม เขาทั้งหลาย
Metal เม็ททัล โลหะ
Way เว ทาง
Few ฟิว เล็กน้อย
Space สเพส อวกาศ
Learn เลอน เรียนรู้
Slower สโลเวอ ช้าลง
Button บัททอน ปุ่ม
Delete ดีลีท ลบ
Number นัมเบอ หมายเลข
Looking ลุคคิ้ง มองดู
Paper เปเปอร์ กระดาษ
Sigle ซิงเกิล โสด
Human ฮูแมน มนุษย์
Learning เลอนนิ่ง การเรียนรู้
Hardware ฮาร์ดแวร์ ฮาร์ตแวร์
Production โปรดักชั่น การผลิต
Model โมเดล รุ่นที่
page เพจ หน้า
Memory แมมอริ หน่วยความจำ
Sometime ซัมทัม เวลาใดเวลาหนึ่ง
Maket มาเก็ท ตลาด
Before บีฟอร ก่อน
Been บีน เป็น
Parts พราทส ชิ้นส่วน
Become บีคัม กลายเป็น
Wafer เวเฟอ ขนมปังเวเฟอร์
Simple ซิมเปิ้ล เรียบง่าย
Other เอ้าเทอร อื่นๆ
Creating โคสธิง การสร้าง
Best เบสท ดีที่สุด
Change เช้ง เปลี่ยน
Works เวอค งาน
Year เยีย ปี
Smaller สมอลเลอ เล็กกว่า
Today ทูเดย์ วันนี้
Thing ธิง สิ่ง
Idea ไอเดีย ความคิด
Both โบธ ทั้งคู่
Flow โฟล ไหล
Basic เบซิค แห่งฐาน
First เฟอสท แรก
Build เบิลด สร้าง
Better เบ็ทเทอ ดีขึ้น
Only โอนลิ เท่านั้น
Design ดีไซน ออกแบบ
World เวอลด โลก
Would วูด จะ
Called คอลเลอ ผู้ขานชื่อ
Them แธ็ม เขาทั้งหลาย
Metal เม็ททัล โลหะ
Way เว ทาง
Few ฟิว เล็กน้อย
Space สเพส อวกาศ
Learn เลอน เรียนรู้
Slower สโลเวอ ช้าลง
Button บัททอน ปุ่ม
Delete ดีลีท ลบ
วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552
แบบผึกหัดบทที่ 4
1. ให้นักศึกษาบอกข้อดีของ Adobe Photoshop CS3 พร้อมทั้งอธิบาย
Singie Column Toolber เมนูนี้เปลี่ยนไปจากCS2 คือมี 2 แถวในเวอร์ชี่น 3 เหลือ แถวเดียว นับว่าประหยัดพื้นที่
Quick Selection เป็นเครื่องมือการเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Black and White ให้ในการเปลี่ยนภาพของคุณให้เป็นโทนขาวดำ ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Auto Align และ Auto Blend ช่วยจัดเรียงภาพของคุณที่ใกล้เคียงให้โดยอัตโนมัติ
Bridge ที่พัฒนาใหม่ให้ไฉไลยิ่งขึ้นแตกต่างจากเวิอร์ชั่นจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นต้น
Singie Column Toolber เมนูนี้เปลี่ยนไปจากCS2 คือมี 2 แถวในเวอร์ชี่น 3 เหลือ แถวเดียว นับว่าประหยัดพื้นที่
Quick Selection เป็นเครื่องมือการเลือกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
Black and White ให้ในการเปลี่ยนภาพของคุณให้เป็นโทนขาวดำ ที่ดีขึ้นกว่าเดิม
Auto Align และ Auto Blend ช่วยจัดเรียงภาพของคุณที่ใกล้เคียงให้โดยอัตโนมัติ
Bridge ที่พัฒนาใหม่ให้ไฉไลยิ่งขึ้นแตกต่างจากเวิอร์ชั่นจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นต้น
1. Move Tool ใช้ในการเลื่อน Layer และ Gude ต่าง ๆ
2. Marquee Tool ใช้ในการเลือกสี่เหลี่ยมผืนผ้า วงกลม ฯลฯ
3. Lasso Tool ใช้ในการเลือกแบบอิสระ
4. Magic Wand Tool ใช้ในการเลือกโดยอาศัยความสว่างและโทนสี
5. Crop Tool ใช้ในการเลือกบางส่วนของรูปภาพ
6. Slice Tool ใช้ในการสร้าง Slice หรือรูปย่อย ๆ
7. Healing Brush Tool ใช้ในการระบายสี ซ่อมแซมรูปภาพให้สมบูรณ์
8. Brush Tool ใช้ในการวาดเส้น
9. Clone Stamp Tool ใช้ในการคัดลอกรูปโดยอาศัยรูปภาพต้นฉบับ
10. History Brush Tool ใช้ในการกลับคืนรูปภาพเดิม
11. Eraser Tool ใช้ในการลบรูปภาพหรือลบบางส่วน
12. Paint Bucket Tool ใช้ในการเติมสี Fill ในบริเวณที่เป็นสีเดียวกัน
13. Smudge Tool ใช้ในการดึงสีให้ไปใกล้กัน
14. Burn Tool ใช้ลดความสว่าง ทำให้ภาพดูมืดลง
15. Pen Tool ใช้ในการลากเส้น path
16. Type Tool ใช้ในการพิมพ์ตัวอักษร
17. Path Selection Path ใช้ในการเลือก Shape หรือ Path
18. Custom Shape Tool ใช้เลือกรูปภาพที่มีรูปร่างเฉพาะ
19. Animations Tool ใช้เขียนโน้ต หรือแนบเสียงไปกับรูปภาพได้
20. Eyedropper Tool ใช้ในการดูดสีจากรูปภาพ
21. Hand Tool ใช้เลื่อนภาพที่อยู่หน้าต่างเดียวกัน22. Zoom Tool ใช้ย่อ-ขยายภาพ็็็็็็็็็
21. Hand Tool ใช้เลื่อนภาพที่อยู่หน้าต่างเดียวกัน22. Zoom Tool ใช้ย่อ-ขยายภาพ็็็็็็็็็
แบบฝึกหัดบทที่ 5
1. ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างปุ่มและอักษร 3 มิติ
1.ทำการสร้างไฟล์ขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดขนาด 300*135 ความละเอียด 72
2.เลือกเครื่องมือ rectangular tool แดรกเมาส์ตีกรอบสี่เหลี่ยม
3.เลือกเครื่องมือ Gradient Tool เลือกเฉดสีที่จะทำการไล่เฉดสี
4.ย่อเส้นปะเข้ามาอีก 10 จุด โดยไปที่เมนู Select >> Modify >> Contact ใส่ตัวเลข 10 แล้วกดปุ่ง Ok
5.แดรกเมาส์จากขวาไปซ้าย
6.ไปที่เครื่องมือ Type Tool เพื่อทำการพิมพ์อักษร
7.ไปที่เมนู Layer >> Type >> Conveert to Shape จะเห็นกรอบข้อความจากนั้นไปที่ Edit >>Transform >> Perspective แดรกเมาส์ที่มุมเพื่อปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามรูปทรงที่ต้องการแล้วกด Enter เมื่อได้ภาพที่ต้องการ
8.ทำอักษรให้นูนโดยไปที่ Layer >> Layer Style >> Bevel and Emboss แล้วก็ปรับเอาตามความต้องการ
9.เมื่อปรับเสร็จตามความต้องการแล้วก็กดปุ่ม Ok
2.ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างตัวอักษรลำแสง
1.สร้างไฟล์ขึ้นมา ขนาด 500*350 ความละเอียด 100
2.เลือกเครื่องมือ Paint Tool เทสีลงไปตามต้องการ เพื่อเป็น Background
3.เลือกเครื่องมือ Type Tools เพื่อพิมพ์ตัวอักษร
4.กดคีย์บอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers จากนั้นเปลี่ยนสีตัวอักษรที่ Copy มา หลังจากนั้นทำการซ่อน Layer ที่ Copy มา จากนั้นก็คลิกรวม Layer โดยกดคีย์บอร์ด Ctrl+E
5.ไปที่เมนู Filter >> Stylize >> Wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
6.กดคยืบอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers แล้วไปที่เมนู Filter >> Stylize >> wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
3.ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของเครื่องมือต่อไปนี้
1.ทำการสร้างไฟล์ขึ้นมาใหม่ โดยกำหนดขนาด 300*135 ความละเอียด 72
2.เลือกเครื่องมือ rectangular tool แดรกเมาส์ตีกรอบสี่เหลี่ยม
3.เลือกเครื่องมือ Gradient Tool เลือกเฉดสีที่จะทำการไล่เฉดสี
4.ย่อเส้นปะเข้ามาอีก 10 จุด โดยไปที่เมนู Select >> Modify >> Contact ใส่ตัวเลข 10 แล้วกดปุ่ง Ok
5.แดรกเมาส์จากขวาไปซ้าย
6.ไปที่เครื่องมือ Type Tool เพื่อทำการพิมพ์อักษร
7.ไปที่เมนู Layer >> Type >> Conveert to Shape จะเห็นกรอบข้อความจากนั้นไปที่ Edit >>Transform >> Perspective แดรกเมาส์ที่มุมเพื่อปรับเปลี่ยนให้เป็นไปตามรูปทรงที่ต้องการแล้วกด Enter เมื่อได้ภาพที่ต้องการ
8.ทำอักษรให้นูนโดยไปที่ Layer >> Layer Style >> Bevel and Emboss แล้วก็ปรับเอาตามความต้องการ
9.เมื่อปรับเสร็จตามความต้องการแล้วก็กดปุ่ม Ok
2.ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างตัวอักษรลำแสง
1.สร้างไฟล์ขึ้นมา ขนาด 500*350 ความละเอียด 100
2.เลือกเครื่องมือ Paint Tool เทสีลงไปตามต้องการ เพื่อเป็น Background
3.เลือกเครื่องมือ Type Tools เพื่อพิมพ์ตัวอักษร
4.กดคีย์บอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers จากนั้นเปลี่ยนสีตัวอักษรที่ Copy มา หลังจากนั้นทำการซ่อน Layer ที่ Copy มา จากนั้นก็คลิกรวม Layer โดยกดคีย์บอร์ด Ctrl+E
5.ไปที่เมนู Filter >> Stylize >> Wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
6.กดคยืบอร์ด Ctrl+J เพื่อ Duplicate Layers แล้วไปที่เมนู Filter >> Stylize >> wind แล้วติ๊กเครื่องหมาย หน้าช่อง Wind และ From the Right ( Layer คลิกอยู่ที่ Background )
3.ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของเครื่องมือต่อไปนี้
1.เป็นตัวเชื่อมระหว่าง Layer
2.เป็นส่วนที่ใส่ Effecf เช่น แสง เงา
3.เป็นส่วนที่เพิ่มเติม Mak หรือ เพิ่ม Layer
4.เป็นส่วนที่ใช่ปรัค่าแสงความสว่าง ปรับค่าสี ความคมชัด
5.เป็นส่วนที่สร้าง Fonder สำหรับเก็บ Layer
6.เป็นเครื่องหมายการสร้าง Layer ขึ้นมาใหม่
7.เป็นปุ่มที่ใช่ลบ Layer ที่ไม่ต้องการ
แบบฝึกหัดบทที่ 6
1. ให้นักศึกษาอธิบายความหมายของส่วนประกอบและปุ่มต่างๆ
1. คือ เฟรม ที่ใช้แสดงลำดับภาพนิ่งแต่ละส่วน
1. คือ เฟรม ที่ใช้แสดงลำดับภาพนิ่งแต่ละส่วน
2. คือ ตัวกำหนดเวลาในการแสดงผล (ยิ่งน้อย ยิ่งดูคลาสิก)
3. คือ ปุ่มควบคุมการวนซ้ำ ถ้า Forever คือวนรอบไปเรื่อยๆ ถ้าวนรอบ 1 รอบใช้ Once
3. คือ ปุ่มควบคุมการวนซ้ำ ถ้า Forever คือวนรอบไปเรื่อยๆ ถ้าวนรอบ 1 รอบใช้ Once
4. คือ ปุ่มควบคุม ที่ใช้แสดงตัวอย่างของภาพ Animation หรือจะกระโดดไปที่ดฟรมอื่นๆ ตามที่ต้องการใช้5. คือ ปุ่มสร้างภาพ Animation อย่างต่อเนื่อง ที่โปรแกรมคำนวณเฟรมอยู่ระหว่างเฟรมเริ่มต้นและเฟรมสุดท้าย
6. คือ ปุ่มสร้างเฟรมใหม่ วึ่งจะใช้เมื่อต้องการสร้างรูปแบบการเคลื่อนไหวใหม่ๆ เข้าไป
7. คือ ปุ่มลบเฟรม เอาไว้ลบเฟรมที่ไม่ต้องการทิ้งไป
2.ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้างตัวอักษรเคลื่อนไหวแบบ Fade
1. สร้างไฟล์ขนาด 250*89 pixel, Resolution 72, Mode RGB, Backgroud Write
2. เลือกเครื่องมือ Type Tool จากนั้นคลิกพิมพ์ข้อความ
3. ให้ทำการคัดลอกเลเยอร์ ( Duplicate layer)จนครบอีก 3 อัน และทำการแก้ไขในแต่ละเลเยอร์
4. ไปที่เมนู Windows ---Animation เพื่อทำการเรียกเมนูเคลื่อนไหวออกมา
5. ทำการคัดลอกเฟรมให้ได้ 4 เฟรม โดยไปที่ปุ่ม Duplicates Select Frames
6. กำหนดเวลาทุกเฟรม โดยกด (Shift+คลิกแต่ละเฟรมX) จากนั้นไปที่มุมเวลาเฟรมสุดท้ายคลิกแล้วจะปรากฏเวลาขึ้นมาให้เลือก เลือก 1 วินาที
3. ให้นักศึกษาอธิบายวิธีการสร้าง Gallery ภาพถ่ายให้กับเว็บไซต์
1. สร้างโฟลเดอร์ไว้สำหรับเก็บไฟล์ที่ต้องการ
2. สร้างไฟล์ขนาด 400 pixels*300 pixels แล้วเก็บไว้ในโฟลเดอร์
3. ไปที่เมนู file---Automate---Web Photo Dally--จะปรากฏดังจอภาพ
4. เลือกรูปแบบหรือสไตล์ที่ชอบ(ซึ่งจะหฃปรากฏตัวอย่างให้ดู) คลิกเลือกปุ่มโฟลเดอร์แหล่งของภาพที่สร้างไว้ (ข้อ1) คลิกเลือกเส้นทางที่จะเก็บงานที่สร้าง Gally (จะต้องไม่ซ้ำกับโฟลเดอร์แหล่งภาพ) เลือกคุณสมบัติของภาพ แล้วตอบ OK
วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วิธีการทำส่วนหัวด้วยตัวอักษรลำแสง
1.สร้างไฟล์ใหม่โดยกำหนดขนาด500pixs-350pixisความละเอียด100pixeis/lnchทำพื้นเป็นสีขาว
2.เลือกเครื่องมือเทสีดำลงไปในเลเยอร์แบ็กกราวด์ และไปที่เครื่องมือtype tools เลือกฟอนต์ Arialตัวหน้าขนาด29pt พิมพ์ชื่อตัวเอง
3.กดคีย์บอร์ดctrl+jเพื่อ Duplicate layersเปลี่ยนตัวอักษรที่copyเป็นสีดำแล้วคลิกรวมแบ็กกราวด์และเลเยอร์copy(ctrl+e)
4.ไปที่เมนูFilter-Styliza-Windc]แล้วเลือกwindและForm the right
5.กด(ctrl+j) แล้ไปที่เมนู Filter-stylize-windแล้วเลือกwindและfrom the left เสร็จ
6.เปิดรูปภาพที่เราต้องการโดยไปที่File-Openเลือกภาพที่เราต้องการกดok เลือกสี่เหลี่ยมเส้นปะเพื่อเลือกพื้นที่ที่ต้องการกด (ctrl+c)เพื่อคัดลอก
7.ไปคลิกเมาส์ที่ไฟล์แบรนเนอร์กด(ctrl+v)แล้วลากไปวางไว้ตามที่ต้องการ
เมือเสร็จสมบูรณ์แล้วบันทึกโดยไปที่เมนูFile-Save for web and deviceเลือกรูปแบบเป็น jpeg และคลิกปุ่มsave
2.เลือกเครื่องมือเทสีดำลงไปในเลเยอร์แบ็กกราวด์ และไปที่เครื่องมือtype tools เลือกฟอนต์ Arialตัวหน้าขนาด29pt พิมพ์ชื่อตัวเอง
3.กดคีย์บอร์ดctrl+jเพื่อ Duplicate layersเปลี่ยนตัวอักษรที่copyเป็นสีดำแล้วคลิกรวมแบ็กกราวด์และเลเยอร์copy(ctrl+e)
4.ไปที่เมนูFilter-Styliza-Windc]แล้วเลือกwindและForm the right
5.กด(ctrl+j) แล้ไปที่เมนู Filter-stylize-windแล้วเลือกwindและfrom the left เสร็จ
6.เปิดรูปภาพที่เราต้องการโดยไปที่File-Openเลือกภาพที่เราต้องการกดok เลือกสี่เหลี่ยมเส้นปะเพื่อเลือกพื้นที่ที่ต้องการกด (ctrl+c)เพื่อคัดลอก
7.ไปคลิกเมาส์ที่ไฟล์แบรนเนอร์กด(ctrl+v)แล้วลากไปวางไว้ตามที่ต้องการ
เมือเสร็จสมบูรณ์แล้วบันทึกโดยไปที่เมนูFile-Save for web and deviceเลือกรูปแบบเป็น jpeg และคลิกปุ่มsave
วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2552
การติดตั้งโปรแกรม photoshop cs3
ก่อนอื่นก็เข้าไปที่เว็บไซต์ของ Adobe เพื่อดาวน์โหลดตัว install ในการดาวน์โหลดไฟล์จาก Adobe ทุกครั้งจะต้องลงทะเบียนเข้าใช้งานด้วย สำหรับคนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกสามารถสมัครได้ฟรี (ไฟล์สำหรับ Macintosh ขนาด 685MB สำหรับ Windows ขนาด 337MB)เมื่อดาวน์โหลดมาเรียบร้อยก็ทำการคลายไฟล์ .dmg เพื่อทำการติดตั้งต่อไป
1.คลิกที่ไอค่อน Setup.app เพื่อทำการติดตั้ง
2.หลังจากนั้นจะเป็นหน้าลิขสิทธิ์ กดปุ่มยอมรับเพื่อเข้าสู่หน้าต่อไป
3.หน้าต่างสำหรับการติดตั้งจะขึ้นมาให้เลือกอ่านข้อตกลงและทำการเลือกที่จะติดตั้ง มีขั้นตอนประมาณ 6-7 ขั้นตอน ก็ติดตั้งเสร็จ (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
4.หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วก็ทำการเปิดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อทดสอบ - ครั้งแรกโปรแกรมจะถามว่าเรามี Serial Number ของ Photoshop CS2 อยู่แล้วหรือไม่ - ถ้ามีก็จะทำการปลดล๊อก แต่ถ้าไม่มีก็สามารถใช้งานได้
1.คลิกที่ไอค่อน Setup.app เพื่อทำการติดตั้ง
2.หลังจากนั้นจะเป็นหน้าลิขสิทธิ์ กดปุ่มยอมรับเพื่อเข้าสู่หน้าต่อไป
3.หน้าต่างสำหรับการติดตั้งจะขึ้นมาให้เลือกอ่านข้อตกลงและทำการเลือกที่จะติดตั้ง มีขั้นตอนประมาณ 6-7 ขั้นตอน ก็ติดตั้งเสร็จ (ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)
4.หลังจากติดตั้งเสร็จแล้วก็ทำการเปิดโปรแกรมขึ้นมาเพื่อทดสอบ - ครั้งแรกโปรแกรมจะถามว่าเรามี Serial Number ของ Photoshop CS2 อยู่แล้วหรือไม่ - ถ้ามีก็จะทำการปลดล๊อก แต่ถ้าไม่มีก็สามารถใช้งานได้
วันอังคารที่ 2 มิถุนายน พ.ศ. 2552
วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
วิธีการติดตั้งโปรแกรมแอนตี้ไวรัส Nod32 เวอร์ชั่น 4
1. เอาเว็บอาจารย์ http://kitt.kvc.ac.th
2. แล้วเลือก Download แล้วไปที่ Nod32(โปรแกรม ver4.0.3)แล้วคลิก OK
3. เลือกพื้นที่จัดเก็บ seve คลิก Run แล้วโปรแกรมจะ Downloadแล้วปิดหน้าต่างนั้นออกไป
4. เข้าไปพื้นที่ที่จัดเก็บแล้วทำการแตกไฟล์แล้วคลิกขวาเลือก Extracp Here
5. เข้าไปใน Files ที่แตกออกแล้วคลิกที่ Eav-Nt32-Enw
6. คลิก Next คลิกเครื่องหมายถูก Iacecp คลิก Nextแล้วก็คลิกNextอีกครั้ง
7. คลิก Iypical แล้วเลือกNext แล้วก็เลือกNextอีกครั้ง
8. จะเริ่มทำการติดตั้งแล้วก็คลิกInstallแล้วก็คลิกNextแล้วก็คลิกFinishเครื่องจะทำการติดตั้งโปรแกรม
2. แล้วเลือก Download แล้วไปที่ Nod32(โปรแกรม ver4.0.3)แล้วคลิก OK
3. เลือกพื้นที่จัดเก็บ seve คลิก Run แล้วโปรแกรมจะ Downloadแล้วปิดหน้าต่างนั้นออกไป
4. เข้าไปพื้นที่ที่จัดเก็บแล้วทำการแตกไฟล์แล้วคลิกขวาเลือก Extracp Here
5. เข้าไปใน Files ที่แตกออกแล้วคลิกที่ Eav-Nt32-Enw
6. คลิก Next คลิกเครื่องหมายถูก Iacecp คลิก Nextแล้วก็คลิกNextอีกครั้ง
7. คลิก Iypical แล้วเลือกNext แล้วก็เลือกNextอีกครั้ง
8. จะเริ่มทำการติดตั้งแล้วก็คลิกInstallแล้วก็คลิกNextแล้วก็คลิกFinishเครื่องจะทำการติดตั้งโปรแกรม
วิธีการถอนโปรแกรมแอนตี้ไวรัส Nod32เวอร์ชั่น4
1. start ไปที่ All program
2. เอาเมาส์มาคลิกที่ control panel
3. มาที่ Add or Remove Progams
4. แล้วจะมาที่หน้าจอของ Add or Remove Programs
5. แล้วเลื่อนเมาส์ไปที่ ESET คลิก uninstall
6. คลิก Next แล้วคลิก Remove แล้ว Next
7. คลิก Remove ไปที่ Finish เพื่อเสร็จสิ้น
8. ตอบ Yes แล้งเครื่องจะ Restar
2. เอาเมาส์มาคลิกที่ control panel
3. มาที่ Add or Remove Progams
4. แล้วจะมาที่หน้าจอของ Add or Remove Programs
5. แล้วเลื่อนเมาส์ไปที่ ESET คลิก uninstall
6. คลิก Next แล้วคลิก Remove แล้ว Next
7. คลิก Remove ไปที่ Finish เพื่อเสร็จสิ้น
8. ตอบ Yes แล้งเครื่องจะ Restar
วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
การลงโปรแกรม Nod
ลงโปรแกรม NOD32
หากท่านดาวน์โหลดมาจากเวปไซต์ ท่านเพียงแค่เก็บไฟล์ลงในฮาร์ดดิส และดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ หลังจากนั้นโปรแกรมทำการลง NOD32 จะขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ต้องตั้งค่าอะไร, อย่างไรหรือไม่ในขณะที่ลงโปรแกรม
NOD32 มีวิธีการลงโปรแกรมให้ท่านเลือก 3 แบบ: Typical, Medium, Expert แต่ละวิธีจะมีความแตกต่างในเรื่องของรายละเอียดที่ใช้ในการลงโปรแกรม สำหรับผู้ใช้โดยทั่วไปสามารถที่จะเลือกวิธีการลงแบบ Typical. ในวิธีนี้ท่านจะถูกถามถึง username และ password เพื่อใช้ในการอัพเดท (หรือท่านสามารถเลือก set these parameters later เพื่อทำการใส่ username และ password ในภายหลัง) และท่านสามารถเลือกให้ AMON ทำงานเมื่อระบบวินโดวส์ของท่านเริ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเลือกให้ AMON ทำงานนั้นเป็นสิ่งที่แนะนำเนื่องจาก AMON จะทำการปกป้องเครื่องของท่านจากไวรัสและโทรจันต่างๆ ในส่วนของ Medium และ Expert นั้นท่านสามารถเลือกใส่รายละเอียดได้มากขึ้น โดยท่านสามารถดูวิธีการได้จากแมนนวล
ลงโปรแกรมเสร็จแล้ว ควรทำอย่างไรต่อ
หลังจากทำการลงโปรแกรม NOD32 แล้ว ท่านควรจะทำการอัพเดท NOD32 ของท่านในทันทีเพื่อการปกป้องสูงสุด
จะตั้งค่าให้กับ NOD32 ได้อย่างไร
หากท่านต้องการตั้งค่าให้กับ NOD32 ของท่าน ให้ท่านเปิด NOD32 Control Center ขึ้นมา และกดปุ่ม Setup ทางหน้าต่างด้านขวา ท่านสามารถดูตัวช่วยเหลือได้โดยกดปุ่ม F1 บนคีย์บอร์ดของท่าน
จะรู้ได้อย่างไรว่า NOD32 ทำงานแล้ว
โมดูลที่สำคัญที่สุดที่คอยปกป้องเครื่องของท่านอยู่ตลอกเวลาคือ AMON ซึ่งเมื่อ AMON ทำงานอยู่นั้น ไอคอนของ NOD32 ที่อยู่มุมล่างขวาของหน้าจอจะมีสีขาว-เขียว
NOD32 ทำงานอย่างไร
NOD32 ทำงานใน 2 รูปแบบ 1. ทำงานโดยใช้การตรวจจับร่วมกับฐานข้อมูลไวรัส ซึ่งโปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนมากใช้วิธีนี้ 2. ทำงานโดยใช้การตรวจจับแบบวิเคราะห์ (Heuristic หรือ Advance Heuristic) ซึ่งจะวิเคราะห์การทำงานของไฟล์ตัวนั้น
จะรู้ได้อย่างไรว่า NOD32 อัพเดทจนถึงปัจจุบันแล้ว
หมายเลขเวอร์ชันนของ NOD32 สามารถหาดูได้จากหน้าต่างในทุกโมดูลของ NOD32 Control Center รวมถึงหน้าต่าง System Information หาก NOD32 ของท่านไม่รับการอัพเดท จะมีข้อความเตือนทุกครั้งที่ NOD32 เริ่มทำงาน ท่านสามารถตรวจสอบเวอร์ชันล่าสุดของ NOD32 ได้จากเวปไซต์ www.nod32.com หรือ www.nod32th.com หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ให้ท่านกดปุ่ม Update Now ใน โมดูล Update ใน NOD32 Control Center เพื่อที่จะอัพเดทเป็นเวอร์ชันล่าสุด และท่านจะได้รับข้อความแจ้งว่า NOD32 ของท่านได้อัพเดทจนถึงเวอร์ชันล่าสุดแล้ว
หากท่านดาวน์โหลดมาจากเวปไซต์ ท่านเพียงแค่เก็บไฟล์ลงในฮาร์ดดิส และดับเบิ้ลคลิ๊กที่ไฟล์ หลังจากนั้นโปรแกรมทำการลง NOD32 จะขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ต้องตั้งค่าอะไร, อย่างไรหรือไม่ในขณะที่ลงโปรแกรม
NOD32 มีวิธีการลงโปรแกรมให้ท่านเลือก 3 แบบ: Typical, Medium, Expert แต่ละวิธีจะมีความแตกต่างในเรื่องของรายละเอียดที่ใช้ในการลงโปรแกรม สำหรับผู้ใช้โดยทั่วไปสามารถที่จะเลือกวิธีการลงแบบ Typical. ในวิธีนี้ท่านจะถูกถามถึง username และ password เพื่อใช้ในการอัพเดท (หรือท่านสามารถเลือก set these parameters later เพื่อทำการใส่ username และ password ในภายหลัง) และท่านสามารถเลือกให้ AMON ทำงานเมื่อระบบวินโดวส์ของท่านเริ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ ซึ่งเลือกให้ AMON ทำงานนั้นเป็นสิ่งที่แนะนำเนื่องจาก AMON จะทำการปกป้องเครื่องของท่านจากไวรัสและโทรจันต่างๆ ในส่วนของ Medium และ Expert นั้นท่านสามารถเลือกใส่รายละเอียดได้มากขึ้น โดยท่านสามารถดูวิธีการได้จากแมนนวล
ลงโปรแกรมเสร็จแล้ว ควรทำอย่างไรต่อ
หลังจากทำการลงโปรแกรม NOD32 แล้ว ท่านควรจะทำการอัพเดท NOD32 ของท่านในทันทีเพื่อการปกป้องสูงสุด
จะตั้งค่าให้กับ NOD32 ได้อย่างไร
หากท่านต้องการตั้งค่าให้กับ NOD32 ของท่าน ให้ท่านเปิด NOD32 Control Center ขึ้นมา และกดปุ่ม Setup ทางหน้าต่างด้านขวา ท่านสามารถดูตัวช่วยเหลือได้โดยกดปุ่ม F1 บนคีย์บอร์ดของท่าน
จะรู้ได้อย่างไรว่า NOD32 ทำงานแล้ว
โมดูลที่สำคัญที่สุดที่คอยปกป้องเครื่องของท่านอยู่ตลอกเวลาคือ AMON ซึ่งเมื่อ AMON ทำงานอยู่นั้น ไอคอนของ NOD32 ที่อยู่มุมล่างขวาของหน้าจอจะมีสีขาว-เขียว
NOD32 ทำงานอย่างไร
NOD32 ทำงานใน 2 รูปแบบ 1. ทำงานโดยใช้การตรวจจับร่วมกับฐานข้อมูลไวรัส ซึ่งโปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนมากใช้วิธีนี้ 2. ทำงานโดยใช้การตรวจจับแบบวิเคราะห์ (Heuristic หรือ Advance Heuristic) ซึ่งจะวิเคราะห์การทำงานของไฟล์ตัวนั้น
จะรู้ได้อย่างไรว่า NOD32 อัพเดทจนถึงปัจจุบันแล้ว
หมายเลขเวอร์ชันนของ NOD32 สามารถหาดูได้จากหน้าต่างในทุกโมดูลของ NOD32 Control Center รวมถึงหน้าต่าง System Information หาก NOD32 ของท่านไม่รับการอัพเดท จะมีข้อความเตือนทุกครั้งที่ NOD32 เริ่มทำงาน ท่านสามารถตรวจสอบเวอร์ชันล่าสุดของ NOD32 ได้จากเวปไซต์ www.nod32.com หรือ www.nod32th.com หรืออีกวิธีหนึ่งคือ ให้ท่านกดปุ่ม Update Now ใน โมดูล Update ใน NOD32 Control Center เพื่อที่จะอัพเดทเป็นเวอร์ชันล่าสุด และท่านจะได้รับข้อความแจ้งว่า NOD32 ของท่านได้อัพเดทจนถึงเวอร์ชันล่าสุดแล้ว
การถอน Nod
จะลบโปรแกรม NOD32 ออกจากเครื่อง
ท่านสามารถถอดโปรแกรม NOD32 ได้ 2 วิธี วิธีแรกโดยไปที่ Start - Programs (All programs) - Eset - Uninstall และอีกวิธีโดยไปที่ Start - Settings - Control panel - Add / Remove programs
ท่านสามารถถอดโปรแกรม NOD32 ได้ 2 วิธี วิธีแรกโดยไปที่ Start - Programs (All programs) - Eset - Uninstall และอีกวิธีโดยไปที่ Start - Settings - Control panel - Add / Remove programs
วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
การติดตั้ง windowns XP
การติดตั้งระบบปฏิบัติการ Windows XP โดยปกติ จะสามารถทำได้ 2 แบบคือ การติดตั้งโดยการอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม หรือทำการติดตั้งใหม่เลยทั้งหมด สำหรับตัวอย่างในที่นี้ จะขอแนะนำวิธีการ ขั้นตอนการติดตั้ง Windows XP แบบลงใหม่ทั้งหมด ซึ่งความเห็นส่วนตัว น่าจะมีปัญหาในการใช้งานน้อยกว่าแบบอัพเกรดค่ะ
วิธีการติดตั้ง Windows XP ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบดังนี้
1. ติดตั้งแบบอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม โดยใส่แผ่น CD และเลือกติดตั้งจาก CD นั้นได้เลย
2. ติดตั้งโดยการบูตเครื่องใหม่จาก CD ของ Windows XP Setup และทำการติดตั้ง
3. ติดตั้งจากฮาร์ดดิสก์ โดยทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดจาก CD ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ก่อนทำการติดตั้ง
ในการแบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ แนะนำให้ทำการวางแผนประมาณขนาดพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย โดยทั่วไปก็ไม่ควรจะใช้พื้นที่ต่ำกว่า 3G. และเนื่องจากระบบ Windows XP สามารถที่จะสร้างเมนู Multi Boot ได้หลังจากที่ติดตั้งไปแล้ว โดยยังสามารถเลือกเมนูว่า จะเรียก Windows ตัวเดิมหรือจะเรียก Windows XP ก็ได้ ดังนั้น หลาย ๆ ท่านมักจะแบ่งพื้นที่ไว้ลง Windows 98 ที่ Drive C: ประมาณ 5G. และเผื่อไว้สำหรับ Windows XP ที่ Drive D: อีกประมาณ 5G. ที่เหลือก็จะเป็น Drive E: สำหรับเก็บข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากลง Windows เพียงแค่ตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นค่ะ
การตั้งค่าใน BIOS ก่อนทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่จะต้องทำการ Disable Virus Protection ใน BIOS ซะก่อน เพราะว่าเมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการป้องกัน Virus โดยการป้องกันการเขียนทับในส่วนของ Boot Area ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นมา เครื่องคอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะมีให้เลือกตั้งค่านี้อยู่แล้ว ถ้าหากเครื่องของใครไม่มีก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเมนบอร์ด บางรุ่นอาจจะไม่มีก็ได้ วิธีการก็คือ
เริ่มจากการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ขณะที่เครื่องกำลังทำ Memory Test หรือนับ RAM อยู่นั่นแหละ ด้านล่างซ้ายมือจะมีคำว่า Press DEL to enter SETUP ให้กดปุ่ม DEL บน Keyboard เพื่อเข้าสู่เมนูของ Bios Setup (แล้วแต่เมนบอร์ด ด้วยบางทีอาจจะใช้ปุ่มอื่น ๆ สำหรับการเข้า Bios Setup ก็ได้ลองดูให้ดี ๆ) จากนี้ก็แล้วแต่ว่าเครื่องของใคร จะขึ้นเมนูอย่างไร คงจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จากนั้นให้มองหาเมนู Bios Features Setup ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่สอง ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนแถบลงมาแล้วกด ENTER ถ้าใช่จะมีเมนูของ Virus Warning หรือ Virus Protection อะไรทำนองนี้ ถ้าหากเป็น Enable อยู่ละก็ให้เปลี่ยนเป็น Disable โดยเลื่อนแถบแสงไปที่เมนูที่เราต้องการใช้ปุ่ม PageUp หรือ PageDown สำหรับเปลี่ยนค่าให้เป็น Disable
กดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลักของ Bios Setup มองหาเมนูของ SAVE TO CMOS AND EXIT หรืออะไรทำนองนี้เลื่อนแถบแสงไปเลยแล้วกด ENTER ถ้าหากเครื่องถามว่าจะ Save หรือไม่ก็ตอบ Y ได้เลย หลังจากนี้เครื่องจะทำการ Reboot ใหม่อีกครั้ง ใส่แผ่น Startup Disk ที่เราทำไว้ตามขั้นตอนแรกรอไว้ก่อนเลย
มาดูขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การติดตั้ง Windows XP กันเลยค่ะ
เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร)
วิธีการติดตั้ง Windows XP ยังสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 แบบดังนี้
1. ติดตั้งแบบอัพเกรดจาก Windows ตัวเดิม โดยใส่แผ่น CD และเลือกติดตั้งจาก CD นั้นได้เลย
2. ติดตั้งโดยการบูตเครื่องใหม่จาก CD ของ Windows XP Setup และทำการติดตั้ง
3. ติดตั้งจากฮาร์ดดิสก์ โดยทำการ copy ไฟล์ทั้งหมดจาก CD ไปเก็บไว้ในฮาร์ดดิสก์ ก่อนทำการติดตั้ง
ในการแบ่งพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ แนะนำให้ทำการวางแผนประมาณขนาดพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย โดยทั่วไปก็ไม่ควรจะใช้พื้นที่ต่ำกว่า 3G. และเนื่องจากระบบ Windows XP สามารถที่จะสร้างเมนู Multi Boot ได้หลังจากที่ติดตั้งไปแล้ว โดยยังสามารถเลือกเมนูว่า จะเรียก Windows ตัวเดิมหรือจะเรียก Windows XP ก็ได้ ดังนั้น หลาย ๆ ท่านมักจะแบ่งพื้นที่ไว้ลง Windows 98 ที่ Drive C: ประมาณ 5G. และเผื่อไว้สำหรับ Windows XP ที่ Drive D: อีกประมาณ 5G. ที่เหลือก็จะเป็น Drive E: สำหรับเก็บข้อมูลอื่น ๆ ทั่วไป แต่ถ้าหากลง Windows เพียงแค่ตัวเดียว ก็ไม่จำเป็นค่ะ
การตั้งค่าใน BIOS ก่อนทำการติดตั้ง Windows XP ใหม่จะต้องทำการ Disable Virus Protection ใน BIOS ซะก่อน เพราะว่าเมนบอร์ดบางรุ่นจะมีการป้องกัน Virus โดยการป้องกันการเขียนทับในส่วนของ Boot Area ของฮาร์ดดิสก์ ซึ่งเท่าที่เคยเห็นมา เครื่องคอมพิวเตอร์ปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะมีให้เลือกตั้งค่านี้อยู่แล้ว ถ้าหากเครื่องของใครไม่มีก็ไม่ต้องตกใจ เพราะเมนบอร์ด บางรุ่นอาจจะไม่มีก็ได้ วิธีการก็คือ
เริ่มจากการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ ขณะที่เครื่องกำลังทำ Memory Test หรือนับ RAM อยู่นั่นแหละ ด้านล่างซ้ายมือจะมีคำว่า Press DEL to enter SETUP ให้กดปุ่ม DEL บน Keyboard เพื่อเข้าสู่เมนูของ Bios Setup (แล้วแต่เมนบอร์ด ด้วยบางทีอาจจะใช้ปุ่มอื่น ๆ สำหรับการเข้า Bios Setup ก็ได้ลองดูให้ดี ๆ) จากนี้ก็แล้วแต่ว่าเครื่องของใคร จะขึ้นเมนูอย่างไร คงจะไม่เหมือนกันแต่ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก จากนั้นให้มองหาเมนู Bios Features Setup ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูที่สอง ใช้ปุ่มลูกศรเลื่อนแถบลงมาแล้วกด ENTER ถ้าใช่จะมีเมนูของ Virus Warning หรือ Virus Protection อะไรทำนองนี้ ถ้าหากเป็น Enable อยู่ละก็ให้เปลี่ยนเป็น Disable โดยเลื่อนแถบแสงไปที่เมนูที่เราต้องการใช้ปุ่ม PageUp หรือ PageDown สำหรับเปลี่ยนค่าให้เป็น Disable
กดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลักของ Bios Setup มองหาเมนูของ SAVE TO CMOS AND EXIT หรืออะไรทำนองนี้เลื่อนแถบแสงไปเลยแล้วกด ENTER ถ้าหากเครื่องถามว่าจะ Save หรือไม่ก็ตอบ Y ได้เลย หลังจากนี้เครื่องจะทำการ Reboot ใหม่อีกครั้ง ใส่แผ่น Startup Disk ที่เราทำไว้ตามขั้นตอนแรกรอไว้ก่อนเลย
มาดูขั้นตอนตั้งแต่เริ่มต้น การติดตั้ง Windows XP กันเลยค่ะ
เริ่มต้น โดยการเซ็ตให้บูตเครื่องจาก CD-Rom Drive ก่อน โดยการเข้าไปปรับตั้งค่าใน bios ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยเลือกลำดับการบูต ให้เลือก CD-Rom Drive เป็นตัวแรกครับ (ถ้าหากเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ก็ไม่ต้องเปลี่ยนอะไร)
วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2552
`ประวัติส่วนตัว
ชื่อ นางสาว วิภาดา อรรคฮาต
ชื่อเล่นชื่อ ปอย
ออกมาดูโลกเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2534
อายุ 18 ปี เรียนชั้น สสท. 1/1
คนที่ให้เงินใช้ ทุกวัน นาย ใจเพชร อรรคฮาต อายุ 41 อาชีพ เกษตรกร
คนที่ให้เงินใช้ทุกวัน นาง ประคอง อรรคฮาต อายุ 39 อาชีพ เกษตรกร
มีพี่น้องรวม 2 คน ชาย 1 หนึ่ง หญิง 1 หนึ่ง
ที่หลบฝน 27 หมู่ 6 บ.หนองแต้ ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น 40250
มือถือ 0832891253
การศึกษา
จบป.6 บ้านหนองแต้
จบม.3 โรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม
จบปวช.3 วิทยาลัยอาชืวศึกษาขอนแก่น
สีที่ชอบ สีเขียว
อาหารที่ชอบ ส้มตำ อาหารตามสั่ง
ผลไม้ที่ชอบ ลิ้นจี่ เงาะ
งานอดิเรก ดู TV ฟังเพลง
เวลาว่าง ขับรถเล่น
คติประจำใจ อย่ารักคนอื่นมากกว่าตัวเอง(แฟน)
ชื่อเล่นชื่อ ปอย
ออกมาดูโลกเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2534
อายุ 18 ปี เรียนชั้น สสท. 1/1
คนที่ให้เงินใช้ ทุกวัน นาย ใจเพชร อรรคฮาต อายุ 41 อาชีพ เกษตรกร
คนที่ให้เงินใช้ทุกวัน นาง ประคอง อรรคฮาต อายุ 39 อาชีพ เกษตรกร
มีพี่น้องรวม 2 คน ชาย 1 หนึ่ง หญิง 1 หนึ่ง
ที่หลบฝน 27 หมู่ 6 บ.หนองแต้ ต.บ้านดง อ.อุบลรัตน์ จ. ขอนแก่น 40250
มือถือ 0832891253
การศึกษา
จบป.6 บ้านหนองแต้
จบม.3 โรงเรียนอุบลรัตน์พิทยาคม
จบปวช.3 วิทยาลัยอาชืวศึกษาขอนแก่น
สีที่ชอบ สีเขียว
อาหารที่ชอบ ส้มตำ อาหารตามสั่ง
ผลไม้ที่ชอบ ลิ้นจี่ เงาะ
งานอดิเรก ดู TV ฟังเพลง
เวลาว่าง ขับรถเล่น
คติประจำใจ อย่ารักคนอื่นมากกว่าตัวเอง(แฟน)
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)